เรียน NLP มาตรฐานระดับ Practitioner ออนไลน์ที่แรกในไทย

เคยรู้มาว่า NLP มีประโยชน์มากในหลาย ๆ ด้าน ทั้งพัฒนาการสื่อสาร, สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ปลดล็อกเรื่องการเงิน ไปจนถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงได้!

..แต่ตอนนี้งานรัดตัวทุกวัน, ธุรกิจกำลังฟื้นตัว และมีครอบครัวต้องดูแล อยากเริ่มพัฒนาตัวเองยังไงได้บ้างจากจุดที่เป็นอยู่ ตอนนี้?

หากย้อนไป 2-3 ปีที่แล้ว การเรียน NLP เพื่อให้สามารถสร้างผลลัพธ์ในชีวิตได้ชัดเจน รวดเร็ว และครบทุกด้าน จะต้องเรียนแบบได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งเป็นการเรียนที่ใช้เวลาหลายวัน ต้องผ่านหลายหลักสูตร และเรียนแบบเต็มวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
 
หลายคนเคยผ่านประสบการณ์การต้องเดินทางมาห้องสัมมนา, ลางานประจำ หรือต้องเคลียร์งานในกิจการส่วนตัวให้มากพอที่จะหายตัวไปได้หลาย ๆ วันต่อเนื่อง หากไม่ทำเช่นนั้นคุณจะได้สัมผัส NLP แค่บางส่วนจากคอร์สระยะสั้นที่พูดถึงเพียงบางด้านของชีวิตเท่านั้น เช่น คอร์สปลดล็อกความคิดการเงินอย่างเดียว คอร์สความสัมพันธ์อย่างเดียว(แก้ 1 ปม) หรือคอร์สปลดล๊อกเรื่องคาใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเรื่องเดียวแล้วจบ
 
คอร์สเหล่านั้นคือคอร์สที่คุณมาเข้าเรียน เพื่อให้โค้ชหรือเทรนเนอร์ทำการบำบัดให้พร้อมกันทั้งห้อง เฉพาะเรื่องที่คุณเลือกมาแล้ว แต่คุณจะไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขาใช้กระบวนการอะไรกับคุณ และคุณจะเอาวิธีการนั้นไปต่อยอดเพื่อช่วยตัวเองเมื่อเจอปัญหาครั้งต่อไปได้อย่างไร

Life Lab Academy มีข่าวดีสำหรับคนที่อยากเรียน NLP แบบลงลึกพร้อมเอาไปใช้งานได้ทันที เป็นกระบวนการดังเดิมที่คุณสามารถต่อยอดทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
ไม่ต้องมานั่งเรียนต่อเนื่องทั้งวัน และไม่ต้องสอบใบรับรอง!

ในหลักสูตร NLP A LA Carte ห้องเรียนออนไลน์บนเว็บไซต์ผ่านบัญชีส่วนตัว
ที่รวบรวมคลิปการสอนเนื้อหา NLP ระดับ Practitioner ทั้งหมด 36 หัวข้อ รวมเวลา 26 ชั่วโมง!
คุณจะได้เรียนทฤษฎี NLP ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ธีมความคิด การเขย่าความเชื่อด้วยภาษา รูปแบบภาษาที่ใช้ในการแก้ปัญหา ฯลฯ
ประกอบภาพสไลด์ของทฤษฎีนั้น ๆ พร้อมตัวอย่างที่จำเป็นเพื่อเอาไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริง
เรามุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกคนได้มีประสบการณ์ชีวิตที่เปลี่ยนไป
ขณะเดียวกันเราก็ให้ความสำคัญเป็นมาตรฐานสูงสุดที่เรามีในการสอนศาสตร์นี้ในภาษาไทยอีกด้วย
คุณจะได้รับเนื้อหาที่มีคุณภาพ ครบถ้วนเทียบเท่าผู้ได้รับใบรับรอง NLP ระดับต้นทุกประการ และสิทธิ์ในการเข้าดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ตลอดชีพ

สิ่งที่คุณจะได้รับในแต่ละบทเรียน..

Introduction to NLP

1. NLP คืออะไร

คุณจะได้ทำความรู้จักกับ NLP และได้ทดลองเรียนทฤษฎีเบื้องต้นก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาจริงว่า NLP คืออะไร / ภาพรวมของ NLP ระดับต่างๆ และมาตรฐานของ NLP เริ่มสร้างความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลง และความรับผิดชอบต่อคุณค่าต่าง ๆ ในชีวิต

2. Theme ของ NLP

ปูพื้นฐานให้จิตใต้สำนึกของคุณล่วงหน้าสำหรับเนื้อหาทั้งหมดของ NLP A La Carte เรียนรู้การจัดระเบียบความคิด เรียกว่าบทนี้เป็น Mindset ของการเรียน NLP เลยก็ว่าได้

3. ตำนานของ NLP

ทำความรู้จักบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของ NLP เรื่องราวความตื่นเต้นเกี่ยวกับต้นกำเนิดของแต่ละกระบวนการในช่วงเวลาต่างๆ พวกเขาคิดกระบวนการพวกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมีการคิดค้นต่อยอดศาสตร์ต่าง ๆ ขึ้นตามมาหลังจากนั้น

4. Win Your Goal

อย่าข้ามบทนี้!! เพราะนี่จะเป็นบทเดียวที่คุณจะมีเวลาให้ตัวเองได้ลงมือวางเป้าหมายที่คุณต้องการ และแจกแจงแต่ละขั้นตอนให้สอดคล้องกับจริตของจิตใต้สำนึก ให้คุณสำเร็จได้ ด้วยวิธีการที่เป็นของคุณเองอย่างเฉพาะตัว เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • เป้าหมาย vs ผลลัพธ์
  • สภาวะ กับ เป้าหมาย
  • กุญแจในการสำเร็จในผลลัพธ์
  • เงื่อนไขที่วางโครงสร้างมาอย่างดี
  • การเป็นเลิศ
  • สิ่งเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างไร
  • S.M.A.R.T + ขั้นตอนสุดท้าย กับการเนรมิตรอนาคต

5. การสื่อสารแบบ NLP

คุณจะได้ทำความเข้าใจตัวตนของตัวคุณเอง เรียนรู้กลไกลในการทำงานของสมอง และเบื้องหลังการทำงานของจิตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อจัดระบบความคิดใหม่ และจะได้รู้ความลับที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • การสื่อสารแบบ NLP
  • โมเดลการสื่อสารผ่านภาพตัวแทนภายใน (IR)
  • โมเดลการจัดการข้อมูลอัตโนมัติของมนุษย์ (DDG)

6. ข้อสันนิษฐานของ NLP (1)

ทำความเข้าใจลึกลงไปในกฎเหล็กของการเรียน NLP ทำให้คุณเริ่มทำความเข้าใจระบบความคิดและพฤติกรรมของคนอื่นได้มากขึ้น ประกอบไปด้วย
  • เคารพในรูปแบบโลกของผู้อื่น
  • การต่อต้านเป็นสัญญาณของการขาดความสัมพันธ์ที่ดี
  • มันมีแค่ feedback หรือผลตอบรับเท่านั้น
  • ความหมายของการสื่อสารคือผลตอบรับที่คุณได้รับ
  • กฎของความหลากหลายที่จำเป็น

7. ข้อสันนิษฐานของ NLP (2)

ต่อยอดจาก ข้อสันนิษฐานของ NLP (1)
  • ประเมินพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่าง ๆ
  • แผนที่ไม่ใช่อาณาเขตที่แท้จริง
  • ทุกคนมีทรัพยากรทั้งหมดที่เขาต้องการเพื่อประสบความสำเร็จและได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ
  • ทุกกระบวนควรเพิ่มการเป็นหนึ่งเดียว
  • ผู้คนไม่ใช่พฤติกรรมของเขา
  • ทุกคนทำดีที่สุดในทรัพยากรที่พวกเขามี
  • ประมวลผลพฤติกรรม
  • คุณเป็นผู้ควบคุมจิตใจของคุณ ดังนั้นจึงควบคุมผลลัพธ์ของคุณด้วย
  • ทุกกระบวนการควรถูกออกแบบเพื่อเพิ่มทางเลือก
  • จิตและกายเชื่อมโยงกันเสมอ

8. หน้าที่หลักของจิตใต้สำนึก

เพราะความสอดคล้องจะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มต้นจากจิตและกายรวมเป็นหนึ่ง หลังจากที่คุณได้ทำความเข้าใจระบบความคิดไปแล้ว ถึงเวลาที่จะเข้าใจความสำคัญและวิธีการทำงานของจิตใต้สำนึกด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ควบคุมชีวิต และเพิ่มทางเลือกให้กับชีวิตของตนเอง

9. ความเฉียบคมทางประสาทสัมผัส

นี่คือวิชาที่คุณจะอ่านคนตรงหน้าได้ละเอียดและแม่นยำที่สุด เพียงแค่คุณมองไปที่ใบหน้าของใครบางคน คุณจะสามารถอ่านการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคนตรงหน้าได้ แม้ว่าเขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
 
เครื่องมือนี้ทำให้คุณสามารถเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าออกได้อย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะปรับตัว หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การโน้มน้ามการตัดสินใจ หรือการรักษาความสัมพันธ์ก็ตาม

10. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี (แรพพอรท์)

ในวิชานี้คุณคือผู้ควบคุมความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์ในชีวิตคุณ ตีแผ่ทุกเทคนิคและวิธีการที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า ทุก ๆ การชอบพอ และไว้เนื้อเชื่อใจกับใครเป็นพิเศษนั้นมีเบื้องหลังอยู่เสมอ
 
ความสนิทไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ และมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน คุณก็ทำได้เลยเช่นกัน
 

11. ระบบตัวแทน

คำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมคนเราทุกคนแตกต่างกัน” อยู่ในบทเรียนนี้ นั่นเพราะระบบประสาทสัมผัสของเรามีความถนัดในการรับข้อมูลที่แตกต่างกัน
คุณจะได้เรียนรู้วิธีการเข้าหาผู้คนในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิม และได้รู้วิธีการยืดหยุ่นเพื่อฝึกใช้ประสาทสัมผัสอื่น ๆ ที่คุณยังไม่เชี่ยวชาญอีกด้วย

12. การใช้รูปแบบสายตา

อีกเทคนิคในการอ่านใจคนตรงหน้าว่าในหัวของเขากำลังคิดเรื่องอะไร เขากำลังพูดเรื่องในอดีตหรืออนาคต เหมือนกับว่าคุณมีตาวิเศษ คุณจะได้รู้ว่าคำพูดของเขาตรงหรือแตกต่างจากเรื่องในหัวของเขาหรือเปล่า

* หน่วยงานรัฐในต่างประเทศใช้เทคนิคนี้ในการสอบความจริงจากผู้ต้องหา

Linguistic

1. ภาษาสำคัญอย่างไร

เรียนรู้อำนาจของการใช้ภาษาที่แท้จริง เมื่อการตีความของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณจะควบคุมความหมายของสิ่งที่สื่อสารออกไปได้อย่างไร เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • น้ำเสียง
  • การใช้ภาษา
  • โครงสร้างของภาษา
  • การค้นหาโครงสร้างเชิงลึก

2. การใช้ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นในภาษา

หลาย ๆ คนเคยได้ยินเกี่ยวกับคำว่า Active Listening บทเรียนนี้คือขั้นกว่าของการฟังเพื่อให้ได้ความจริงมากที่สุด
 
คุณจะได้เรียนรู้วิธีการฟัง “คำระหว่างบรรทัด” ได้คมขึ้นชัดขึ้น เมื่อคุณทำความรู้จักกับทฤษฎีนี้แล้ว การฟังของคุณจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • การใช้ภาษา
  • โครงสร้างของภาษา
  • ความเป็นไปได้, ความจำเป็น
  • หลักการเหตุและผล
  • ความเท่ากันที่ซับซ้อน
  • ความรู้ตัว
  • เวลา
  • คำขยายกิริยา – คำวิเศษณ์
  • เฉพาะ, รวม, หรือ
  • การวางลำดับ

3. ลำดับชั้นของความคิด

หัวข้อนี้ถูกกำหนดไว้เป็นหนึ่งในหลักสูตรภาคบังคับของ UN ในวิชาการเจรจาต่อรอง
 
คุณสามารถใช้ทฤษฎีนี้เพื่อทำให้อีกฝ่ายเห็นด้วย และยอมรับข้อเสนอจากคุณได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่การเพิ่มความสนุกและอรรถรสในการแสดงความคิดเห็นกับคู่สนทนาทั่วไปได้ด้วยเช่นเดียวกัน

4. มิลตันโมเดล

เวทมนตร์ทางภาษาที่จะทำให้การพูดของคุณสร้างความเห็นด้วยจากผู้ฟังได้มากที่สุด หรือหากคุณเป็นผู้พูดที่ต้องพูดให้กับคนจำนวนมากอยู่เสมอ คุณจะรู้วิธีการพูดจูงใจในเนื้อหาแบบเนียน ๆ เพื่อดึงความเห็นด้วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่มีสคริปต์อยู่ในมือก็ตาม

5. เรื่องเปรียบเปรย

คนมักจะปฏิเสธปัญหาของตัวเองมากกว่าที่จะยอมรับมัน การแนะนำให้เขาแก้ปัญหาของตัวเองอาจไม่จำเป็นต้องพูดตรง ๆ เสมอไป จากเนื้อหาในบทนี้ คุณสามารถพูดโดยตรงกับจิตใต้สำนึกของเขาได้โดยใช้เรื่องเปรียบเปรย ผลลัพธ์คือเขาจะรู้สึกอยากแก้ปัญหาด้วยตัวของเขาเอง และไม่รู้สึกอึดอัดใจที่จะยอมรับว่าแท้จริงแล้วตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่

6. เมทตะโมเดล

เมื่อคุณรู้สึกว่าการสื่อสารขาดความเข้าใจ มีบางข้อความตกหล่นและหายไประหว่างการสื่อสาร วิธีการกู้คืนข้อความเหล่านั้นจะสามารถเติมเต็มความหมายให้ชัดเจน และทำให้คุณเข้าใจคู่สนทนาของคุณได้ในที่สุด เครื่องมือการสื่อสารในบทนี้จะเป็นดั่งกระบวนการตั้งคำถามให้ได้ความจริง เพื่อการเติมเต็มความเข้าใจระหว่างกันและกันได้มากที่สุด เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • Meta Model
  • การค้นหาโครงสร้างเชิงลึก

7. การเปลี่ยนข้อสรุป (1)

เมื่อคุณต้องตกอยู่ในบทสนทนาที่คู่สนทนามีความเชื่อที่อาจทำร้ายตัวเขาและความสำเร็จของเขาได้ กระบวนการนี้จะบอกวิธีการเขย่าความเชื่อเหล่านั้นให้หลุดไป ในขณะที่ไม่ทำร้ายความสัมพันธ์ เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • กระบวนการเปลี่ยนข้อสรุป
  • การเปลี่ยนข้อสรุปรูปแบบต่าง ๆ
  • การเปลี่ยนข้อสรุปด้วยบริบท
  • การเปลี่ยนบริบท
  • การเปลี่ยนข้อสรุปด้วยความหมาย
  • การนำไปใช้

8. การเปลี่ยนข้อสรุป (2)

กระบวนการดั้งเดิมที่ใช้ในการเจรจาต่อรอง โน้มน้าวใจ ประณีประนอม และทำให้คู่สนทนารู้สึกมีทางเลือกในการตัดสินใจด้วยตัวเอง แม้ว่าเราจะเป็นผู้ควบคุมการตัดสินใจนั้นอยู่ก็ตาม (ปัจจุบันไม่ค่อยใช้แล้ว) เนื้อหาประกอบไปด้วย
  • การเปลี่ยนข้อสรุป 6 ขั้นตอน
  • เมทตะโมเดล3

9. การควบรวมส่วน (ภาคทฤษฎี)

ข้อขัดแย้งภายในตัวเอง ส่งผลกระทบต่อชีวิตได้หลายด้าน ตั้งแต่ประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ควบคุมพฤติกรรมอัตโนมัติ สับสนภายใน กระวนกระวาย ไปจนถึงก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ

บทนี้จะพาคุณไปดูภาคทฤษฎีของกระบวนการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งภายในที่กล่าวไปแล้วได้ภายในเวลา 20 นาที!

Strategy

1. กลยุทธ์และการถอดกลยุทธ์

เราทุกคน มีวิธีการในการตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างกัน เป็นเพราะระบบการรับข้อมูลของแต่ละคนมีความเฉพาะเจาะจงแบบเฉพาะตัว เนื้อหาในบทนี้จะเผยให้คุณรู้ว่าเบื้องหลังการทำงานของระบบนั้นคืออะไร

และทำยังไงให้คุณสามารถแกะการทำงานเหล่านั้นจากคนที่คุณคุยด้วยได้ เพื่อให้เขาเข้าใจคุณได้ง่ายที่สุด และตัดสินใจจากสิ่งที่คุณพยายามโน้มน้าวได้เร็วขึ้นนั่นเอง

2. กลยุทธ์แต่ละประเภท

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเคยพบกับใครเป็นครั้งแรก คุณจะกลายเป็นคนที่พูดได้ตรงใจ ตรงประเด็นได้กับทุกคน เพราะคุณรู้จักวิธีแกะข้อมูล และวิธีป้อนสิ่งที่คุณอยากพูดในรูปแบบที่เขาอยากได้ยินในแบบที่ง่ายที่สุด
  • ป้อนกลยุทธ์, การนำไปใช้

3. กลยุทธ์และการออกแบบกลยุทธ์

เมื่อคุณรู้ว่ากลยุทธ์บางอย่างในชีวิตไม่ช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายที่คุณต้องการ หรือกลยุทธ์นั้นอาจกำลังผลักคุณออกจากเป้าหมายอยู่ในตอนนี้ก็ได้ เนื้อหาในบทนี้จะบอกวิธีการเปลี่ยนกลยุทธ์และกระบวนการออกแบบกลยุทธ์ที่ทำให้คุณมีพฤติกรรมที่คุณอยากมี

ไปจนถึงวิธีการประกอบกลับเข้าไปในระบบเส้นประสาทของคุณเพื่อสนับสนุนให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายของคุณมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มาก ๆ กับคนที่มีปัญหาในการตัดสินใจ

4. กลยุทธ์การเรียนรู้

เรียนรู้ที่ดีและมีความจำที่เป็นเลิศก็มาจากกลยุทธ์เช่นเดียวกัน คุณจะพบสาเหตุที่แท้จริงและได้วิธีการแก้ปัญหาของโรคบกพร่องทางการอ่าน หรือ สมาธิสั้น และได้เรียนรู้วิธีการเรียนเก่ง จำดีอย่างเป็นระบบ (มักใช้ในการสอบ) เนื้อหาประกอบด้วย
  •  การสะกดคำ
  • การอ่าน
  • สมาธิสั้น
  • สภาวะการเรียนรู้
Anchor

1. แองเคอร์ (ภาคทฤษฎี)

จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถติดตั้งสวิชความสุข ความตื่นเต้น ความมั่นใจ และอีกหลาย ๆ สภาวะเชิงบวกที่ต้องการไว้ที่ใดที่หนึ่งในร่างกายของเรา รวมไปถึงคนที่เรารัก หรือใช้ดึงพลังงานของห้องประชุมเมื่อบรรยากาศมาคุ แองเคอร์คือกระบวนการง่าย ๆ ที่ใช้เพียงความรู้สึกบวกกลไกลเล็กน้อย ก็เรียกพลังของคุณคืนกลับมาได้ในทุกวัน

2. คอลแลพส์แองเคอร์ (ภาคทฤษฎี)

เมื่อต้องพบเจอกับความท้าทายรายวัน อาจก่อให้เกิดความรู้สึกรำคาญใจ ไม่มั่นใจเล็ก ๆ หรือขุ่นเคืองใจหน่อย ๆ ขึ้นมาได้ คุณสามารถจัดการกับความรู้สึกแบบนั้นด้วยการใช้กระบวนการที่จะได้เรียนนี้ เพียงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาที ก็ลบล้างความรู้สึกเหล่านั้นออกไปได้เลย

3. เชนนิ่งแองเคอร์ (ภาคทฤษฎี)

เมื่อการลงมือทำมันยากสำหรับคุณ หรือคุณรู้ตัวว่ากำลังผัดวันประกันพรุ่ง กระบวนการนี้คือคำตอบที่จะช่วยคุณกำจัดปัญหาเหล่านั้น และทำให้การลงมือทำเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว

4. เทคนิคอื่น ๆ ของการแองเคอร์ (ภาคทฤษฎี)

เมื่อคุณเข้าใจเรื่องการแองเคอร์หลักแล้ว คุณยังสามารถเสริมพลัง เสริมความกล้า (ส่วนใหญ่ใช้กับเด็ก) และลบความความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปจากชีวิตได้จากทฤษฎีบทนี้
  • กระบวนการเปลี่ยนประวัติส่วนตัว
  • กระบวนการนิวออร์ลีน
  • Ring of Power
Submodality

1. คุณลักษณะรอง

หากเปรียบกับการที่คอมพิวเตอร์มีภาษา C เป็นของตัวเอง มนุษย์เราก็มีภาษาที่ถูกตั้งค่าเข้ารหัสไว้เช่นเดียวกัน วิชานี้คุณจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณสามารถโปรแกรมชีวิตคุณได้ง่ายดายไม่ต่างกับการติดตั้ง และถอนการติดตั้งโปรแกรมจากคอมพิวเตอร์
 
คุณจะได้เรียนรู้วิธีการเข้าถึงรหัสลับนั้น เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับตัวคุณเอง

2. กระบวนการเปลี่ยนชอบเป็นไม่ชอบ (ภาคทฤษฎี)

ภาคทฤษฎีของกระบวนการที่ทำให้คุณเปลี่ยนสิ่งที่คุณชอบมากแต่ไม่ต้องการสิ่งนั้นในชีวิตอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเอาออกจากชีวิตของตัวเองได้ เช่น การติดน้ำตาล ขนม ของหวาน อาหารที่ชอบแต่ทำให้คุณอ้วน หรือทำร้ายสุขภาพ ไปจนถึงนิสัยต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมาย เป็นต้น กระบวนการนี้จะทำให้สิ่งเหล่านั้นออกไปจากชีวิตได้สำเร็จ

3. เปลี่ยนความเชื่อด้วยคุณลักษณะรอง (ภาคทฤษฎี)

หนึ่งในความเชื่อที่ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ คือความเชื่อที่ให้ข้ออ้างว่าทำไมคุณถึงไปถึงเป้าหมายคุณไม่ได้ และนี่คือภาคทฤษฎีของกระบวนการที่ทำให้คุณเปลี่ยนความเชื่อที่ไม่ต้องการนั้นออกไป และเอาความเชื่อที่สนับสนุนเป้าหมายคุณมาใส่แทนได้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 นาที!

4. สวิชแพทเทิร์น (ภาคทฤษฎี)

เมื่อคุณทำพฤติกรรมบางอย่างจนชิน แต่พฤติกรรมเหล่านั้นรบกวนและสร้างความรำคาญต่อการใช้ชีวิตของคุณ สวิชแพทเทิร์นจะช่วยให้คุณสร้างพฤติกรรมใหม่ขึ้นมาทดแทนพฤติกรรมเดิม ๆ จนกระทั่งสามารถเลิกทำพฤติกรรมที่รบกวนเหล่านั้นไปได้ในที่สุด

5. การไม่เชื่อมโยงภาพและสัมผัส + กระบวนการเปลี่ยนมุมมอง (ภาคทฤษฎี)

เรียนรู้กระบวนการที่ใช้ได้ดีเมื่อคุณอยากทำความเข้าใจความคิดของใครบางคน หรือมีข้อขัดแย้งกับคนที่คุณมีปัญหาด้วย คุณจะได้ตระหนักรู้ และมองเห็นความรู้สึกของใครบางคนได้ในแง่มุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ในขณะเดียวกันเมื่อคุณกำลังอยู่กับความรู้สึกที่รุนแรง นี่คือกระบวนการที่ใช้ตัดอารมณ์และความรู้สึกที่คุณกำลังเผชิญได้อย่างทันทวงที

Time Line Therapy®

หลักการของการบำบัดด้วยเส้นเวลา

กระบวนการบำบัดด้วยเส้นเวลา เป็นวิธีการที่ดีที่สุดตอนนี้ในกำจัดอารมณ์เชิงลบ

หลักการของศาสตร์นี้คืออะไร ทำให้เกิดความเสถียรทางอารมณ์ได้อย่างไร การทำงานทั้งหมดจะออกมารูปแบบไหน และศาสตร์นี้สามารถช่วยจัดการอารมณ์ รวมถึงเคลียร์อารมณ์ลบได้หมดเกลี้ยงจริงไหม หาคำตอบโดยละเอียดได้ในบทนี้
  • บทนำ – การบำบัดด้วยเส้นเวลา
  • ดึงเส้นเวลาอย่างไร
  • การลอยเหนือเส้นเวลา
  • ค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
  • จิตรู้สำนึกจัดเรียงเหตุการณ์อย่างไร
  • ประทับ – เลียนแบบ – เข้าสังคม
  • อธิบายกระบวนการของ Time Line Therapy®
  • อารมณ์เชิงลบ #1
  • 3 สิ่งที่ต้องตรวจสอบที่ตำแหน่งที่ 3
  • การเปลี่ยนข้อสรุปทั่วไป
Coaching

1. การใช้ NLP ในธุรกิจ

อาวุธที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือ การสื่อสาร หากคุณเข้าใจวิธีการใช้ภาษาของคุณในด้านต่าง ๆ คุณจะเป็นผู้ถือกุญแจสำคัญ ที่สามารถไขความลับในใจของคนทุกคน และ NLP คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จเหล่านั้น

2. วิธีการออกแบบการบำบัดด้วย NLP

เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางของนักบำบัด คุณอาจจะเจอกับปัญหาที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต นั่นคือเหตุผลที่คุณต้องทำความเข้าใจ และตั้งใจศึกษาเครื่องมือให้ครบถ้วน

และในบทนี้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการออกแบบกระบวนการในการแก้ปัญหาหรือการบำบัดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้ว่าคุณจะเพิ่งรู้จักกับปัญหาหรือเป้าหมายของลูกค้าเป็นครั้งแรกก็ตาม

NLP A La Carte เรียนออนไลน์บนเว็บไซต์ 36 บทเรียน ตลอดชีพ

ค่าลงทะเบียน 36,000 บาท
(รับชำระด้วยบัตรเครดิต และ/หรือ วางแผนผ่อนชำระได้กับสถาบัน)

สอบถามโทร. 064-559-5989 (คุณชิ)

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ทักไลน์ @lifelab (ใส่@ด้วย) หรือคลิก >> 

เส้นทางต่อไป.. สู่การเป็นนักบำบัดจิตภาษาศาสตร์

รายละเอียดหลักสูตรใบรับรอง 5 ศาสตร์

NLP&SPL x5 Certs. Program