“อ๋อ เหมือนได้ระบายสินะ” – ไม่ๆ ระบายกับเพื่อนอ่ะ ระบายมาตั้งแต่มัธยมแล้ว มันไม่ใช่แบบนี้
“อ๋อ เหมือนได้แรงบันดาลใจป่ะ” – ไม่ๆ มันไม่ใช่แรงฮึด แรงใจอะไร มันแบบมาจากของตัวเองนี่แหละ
“อ๋อ คือได้คำปรึกษา รู้ว่าต้องทำไรงี้ป่ะ” – ไม่ๆ เค้าไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรเลย คือทั้งหมดแบบฉันพูดเองนี่แหละ
“เอ้า แล้วสรุปมันคือยังไง” – ก็เหมือนที่เค้าบอกเลย เหมือนเค้าถอดระบบความคิดออกไป ประกอบใหม่ละใส่กลับเข้ามาอ่ะf
“คือไม่ต้องพูดไรเลยอ่อ” – พูดๆ คือเค้าก็ถามแหละ
“ไรฟระ!!!” – ถอนหายใจเฮือก


สถานการณ์แบบนี้ดูจะคุ้นเคยอย่างยิ่งสำหรับโค้ชเอ็นแอลพี เพราะเราไม่ได้ให้คำปรึกษา ลูกค้าพูดมากเราก็ไม่ยอม สรุปให้เลยก็ไม่ใช่ มันก็ไม่แปลกอะไรที่ลูกค้าโค้ชมักเล่าต่อได้ลำบากมาก จนได้ข้อสรุปตรงกันว่า “ต้องลองเอง!”


ความยากในการอธิบายว่า เอ็นแอลพี คืออะไรจึงเกิดจากการที่ไม่มีศาสตร์ใกล้เคียงให้เทียบเคียง เพราะกระบวนการทำงานของโค้ช แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากศาสตร์อื่น ๆ แม้แต่กระบวนความคิด ความเชื่อ ของโค้ชก็มองโลกแตกต่างจากสาขาอื่นในสังคม

โค้ชเอ็นแอลพี มองจากความเป็นไปได้ มองจากหนทางที่คนทั่วไปรู้สึกว่าไม่ใช่วิถีธรรมดา เช่น คนทั่วไปบอกว่าถ้าเราเข้าใจผู้อื่น เราจะไม่โมโหโวยวายหรืออารมณ์ร้ายใส่ใคร หากเอ็นแอลพี จะมองว่า แล้วถ้าคุณไม่เข้าใจคนอื่น แต่คุณใจเย็นและเป็นกลางโดยธรรมชาติ คุณก็จะไม่มีอาการเหล่านั้นตั้งแต่ต้น แม้คุณจะไม่เข้าใจว่าผู้อื่นไปเอาความคิดเหล่านั้นมาจากไหน เป็นต้น

ดังนั้น การใช้ศาสตร์เอ็นแอลพี จึงยากต่อการอธิบาย เนื่องจากมุมมองของคนเราจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเรามีฐานข้อมูลให้เทียบเคียง การเรียนเอ็นแอลพี จึงมีค่าเท่ากับคุณพลิกมุมมองทั้งหมดที่คุณมี หรือขยายภาพกว้างที่เคยกว้างจนกว้างกว่าเดิมเข้าไปอีก และส่งผลให้คุณมองเห็นโอกาส มองเห็นความเป็นไปได้ที่คุณไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน คนที่ใช้เอ็นแอลพี ได้อย่างเชี่ยวชาญจึงกล้าพูดได้ว่า มันพลิกชีวิต เปลี่ยนผังวิถี และออกแบบความสำเร็จได้จริงๆ

เพราะวิธีการที่โค้ชเอ็นแอลพีนำมาใช้ คือการถอดผังข้อมูลที่ลูกค้าใช้เป็นประจำทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวออกมา ประกอบกับถามความเห็นลูกค้าว่าอยากปรับผังนี้อย่างไร แล้วใช้ข้อมูลนั้นร่วมกันกับตัวลูกค้าเองในการจัดแต่งผังข้อมูลนั้นใหม่ เหมือนการรื้อเลโก้ แล้วประกอบให้เป็นรูปทรงที่แตกต่างใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ติดตั้งกลับเข้าไปในตัวลูกค้า

สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดคือ กระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการนั่งสนทนากันในระยะเวลาสั้นๆ ลูกค้าคงบอกไม่ถูกว่า ถอดออกมาตอนไหน รื้อประกอบตอนไหน และใส่กลับเข้าไปตอนไหน เพียงทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ก็เมื่อเวลาผ่านไปสองสามวัน และลูกค้ามีพฤติกรรมและความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปจนตัวเองสัมผัสได้ จึงพูดได้เต็มปาก ว่าน่ามหัศจรรย์และบทสนทนาด้านบนก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อลูกค้าพยายามจะเล่าความตื่นเต้นดีใจให้เพื่อนฟัง.. และปิดจบทุกครั้งว่า

“ต้องลองอ่ะ มันดีจริงๆ”

เราก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ถ้าคุณอยากรู้ว่ามันคือยังไง อย่าเพียงฟังความตื่นเต้นจากเพื่อนเลย โทรหาเรา ให้ผู้เชี่ยวชาญอธิบายเองจะง่ายกว่าแน่นอน

ทักหาเราได้ที่ @lifelab หรือคลิก https://lin.ee/w2z1T6C หรือโทร 0645595989

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *